ในนมนั้นประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ ตั้งแต่แคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งจะช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง โปรตีน น้ำตาลแลคโตส วิตามินบี 2 ที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ ทำงานเป็นปกติ และยังมีวิตามินอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วย
สิ่งที่ควรคำนึงนอกจากประโยชน์ของนมแล้ว การผลิตนมจะผ่านกระบวนการทำที่แตกต่างกัน เพื่อความสะดวกของผู้บริโภค สามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆ เช่น
- นมจืด คือ นมสดไม่ปรุงแต่งรสชาติ ทำมาจากน้ำนมโค 100%
- นมพร่องมันเนย คือ นมที่สกัดแยกมันเนยออกมาเพียงบางส่วน มีพลังงานต่ำและไขมันน้อย เหมาะสำหรับบุคคลที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องความอ้วนและไขมันในเส้นเลือดสูง
- นมขาดมันเนย คือ นมที่แยกมันเนยออกมาเกือบทั้งหมด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงไขมัน
- นมปรุงแต่ง คือ นมที่ผ่านกรรมวิธีต่างๆ ใส่กลิ่น สี รส ให้น่ารับประทานมากขึ้น เช่น นมรสหวาน นมรสช็อกโกแลต เป็นต้น
สำหรับการเลือกดื่มนมนั้น ควรเลือก
นมพลาสเจอไรส์เป็นอันดับแรก เพราะการฆ่าเชื้อที่ใช้อุณหภูมิต่ำและสั้น ทำให้การสูญเสียวิตามินมีน้อยกว่า โดยนมพลาสเจอไรส์เมื่อเปิดดื่มแล้ว หากดื่มไม่หมดควรรีบเก็บเข้าตู้เย็น หรือที่ๆ มีอุณหภูมิ 2-5 องศาเซลเซียส สามารถเก็บได้ประมาณ 10 วันนับจากวันที่ผลิต
นมสเตอริไรส์ หรือนมกระป๋องสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 12 เดือน โดยที่ไม่ต้องแช่เย็น และไม่ควรถูกแสงแดดโดยตรง
นมยูเอชที ข้อดีคือ สามารถพกพาได้สะดวก มีระยะการเก็บที่ยาวนาน การดื่มนมที่เหมาะสมกับวัยก็จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี และป้องกันโรคกระดูกผุในผู้สูงอายุ ซึ่งปริมาณที่แนะนำ (1 แก้ว เท่ากับ 200 มิลลิลิตร) สำหรับเด็ก 1-12 ปี ควรดื่ม 3 แก้วต่อวัน วัยรุ่น 13-25 ปี ควรดื่ม 3-4 แก้ว และผู้ใหญ่ 25 ปีขึ้นไป ควรดื่มไม่น้อยกว่าวันละ 2 แก้ว สำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรดื่มไม่น้อยกว่าวันละ 3 แก้ว ทั้งนี้ก่อนการซื้อนมทุกครั้งให้สังเกต วัน เดือน ปี ที่ระบุอยู่ข้างกล่อง และเลือกซื้อนมที่บรรจุอยู่ในภาชนะที่ปิดสนิท ตรวจดูว่านมแต่ละชนิดเหมาะกับการเก็บประเภทใด
ข้อควรระวังในการดื่มนม คือ เราไม่ควรดื่มนมพร้อมกับยา เพราะแคลเซียมในนมจะไปจับกับตัวยาทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง
